OKR คืออะไร ช่วยให้องค์กรบริหารอย่างประสบความสำเร็จได้อย่างไร

ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้น การวัดผลและการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถมุ่งไปในทิศทางที่ถูกต้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลายองค์กรจึงมีการนำเครื่องมือที่สามารถช่วยให้เพิ่มความสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยหนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับความนิยมและใช้กันอย่างแพร่หลายคือ OKR (Objectives and Key Results) ซึ่งเป็นวิธีการตั้งเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพสูงทั้งในระดับองค์กรและทีมงาน แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่า OKR คือ อะไร? ทำไมถึงสำคัญและมีประโยชน์ต่อองค์กรอย่างมาก? ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ OKR และแสดงให้เห็นว่ามันสามารถช่วยให้องค์กรเติบโตและประสบความสำเร็จได้อย่างไร

ชวนรู้จักกับ OKR คืออะไร

OKR ย่อมาจาก Objective and Key Results ซึ่งเป็นระบบการตั้งเป้าหมายที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยองค์กรในการกำหนดทิศทางและการวัดผลการดำเนินงานได้อย่างชัดเจน โดยมีด้วยกัน 2 ส่วนหลักคือ

• Objective (เป้าหมาย) : เป็นการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน มุ่งเน้นไปที่การบรรลุผลสำเร็จในเรื่องที่สำคัญ โดยที่เป้าหมายนี้ต้องมีความท้าทายเพื่อกระตุ้นให้พนักงานทุกคนมีความพยายามในการทำงานให้บรรลุเป้าหมายนั้น
• Key Results (ผลลัพธ์สำคัญ) : เป็นตัวชี้วัดที่ใช้วัดผลความสำเร็จของเป้าหมายหลักที่กำหนด โดยมีตัวเลขที่ชัดเจนและสามารถวัดได้ เช่น การเพิ่มยอดขายขึ้น 20% หรือการปรับปรุงกระบวนการทำงานให้เร็วขึ้น 15%

โดยหลักการของ OKR นั้นจะเน้นไปที่การสร้างแรงจูงใจภายใน (Intrinsic Motivation) ของพนักงาน โดยที่เมื่อทุกคนมีเป้าหมายที่ท้าทายและเป็นที่รู้จักกันในองค์กร จะทำให้ทุกคนร่วมมือกันอย่างมุ่งมั่นเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน

จุดเด่นของ OKR คืออะไร

OKR คือ เครื่องมือที่ได้รับความนิยมอย่างมากในองค์กรชั้นนำทั่วโลก ที่ช่วยให้องค์กรสามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจุดเด่นที่สำคัญของ OKR คือการช่วยสร้างความโปร่งใส ในการตั้งเป้าหมายและการประเมินผล ซึ่งทุกคนในองค์กรสามารถเห็นเป้าหมายและผลลัพธ์ที่ทีมงานและพนักงานตั้งไว้ ทำให้เกิดการร่วมมือ และ ประสานงานที่ดีขึ้น นอกจากนี้ OKR คือ ตัวช่วยที่ทำให้องค์กรสามารถตั้งเป้าหมายที่ท้าทาย แต่ยังคงเป็นไปได้ (Moonshot Goals) ซึ่งช่วยกระตุ้นให้พนักงานมีแรงผลักดันในการทำงานให้ดีที่สุด แม้ว่าจะเป็นเป้าหมายที่ดูยากหรือท้าทายก็ตาม

อีกจุดเด่นที่สำคัญของ OKR คือการประเมินผลระยะสั้น ซึ่งช่วยให้สามารถติดตามและปรับเปลี่ยนแผนงานได้อย่างทันท่วงที ทำให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงหรือปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทันเวลา นอกจากนี้การใช้ OKR ยังช่วยสร้าง ความยืดหยุ่น เนื่องจากมันไม่เน้นการบรรลุเป้าหมาย 100% แต่ให้โอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาเมื่อไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ทั้งหมด

นอกจากนี้สำหรับบริษัทใดที่มีการใช้งานระบบ Motion ERP ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ในการบริหารงานแบบครบวงจร ช่วยให้การตั้งเป้าหมายมีความชัดเจนและวัดผลได้ และช่วยให้การดำเนินงานในองค์กรเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะในด้านการผลิตและการจัดการทรัพยากร 

การนำ OKR มาปรับใช้กับองค์กร

การนำ OKR ไปปรับใช้ในองค์กรไม่ได้หมายถึงแค่การตั้งเป้าหมายแล้ววัดผล แต่ยังเป็นการส่งเสริมการทำงานร่วมกัน และช่วยสร้างทิศทางเดียวกันในองค์กรเพื่อให้ทุกคนมีความเข้าใจในเป้าหมายเดียวกัน

เน้นเรื่องที่สำคัญ

ก่อนจะใช้ OKR องค์กรต้องทำการวิเคราะห์อย่างละเอียดว่าความสำเร็จในปีนั้นหรือไตรมาสนั้น ๆ คืออะไร โดยเลือกเป้าหมายที่สำคัญและท้าทาย เพื่อให้การตั้ง OKR เป็นไปในทิศทางเดียวกับวิสัยทัศน์ขององค์กร โดยเน้นเรื่องที่ให้ความสำคัญมากที่สุด

ปรับองค์กรให้เป็นทิศทางเดียวกัน

องค์กรสามารถใช้ OKR ในการช่วยสร้าง Alignment หรือความสอดคล้องในองค์กรทั้งในระดับสูงและระดับล่าง ด้วยการตั้งเป้าหมายที่ทุกคนในทีมสามารถเข้าใจและมีส่วนร่วมได้อย่างชัดเจน ซึ่งช่วยให้แต่ละแผนกและพนักงานสามารถทำงานไปในทิศทางเดียวกัน ส่งผลให้การดำเนินงานมีความสอดคล้องและลดความซับซ้อนในการตัดสินใจ

มีการติดตามที่ง่าย

หนึ่งในจุดเด่นของ OKR คือการติดตามผลที่ง่ายและรวดเร็ว การประเมินผลในระยะสั้นทำให้สามารถรู้ได้ทันทีว่าเป้าหมายใกล้เคียงความสำเร็จหรือยัง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการปรับกลยุทธ์หรือแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างทันท่วงที 

โดยเฉพาะในกระบวนการผลิตที่ต้องการความแม่นยำและการตอบสนองที่รวดเร็ว MRP (Material Requirements Planning) เป็นระบบที่ช่วยให้การติดตามและจัดการกระบวนการผลิตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถคำนวณปริมาณวัตถุดิบที่ต้องใช้ ติดตามสถานะวัตถุดิบในคลัง และวางแผนการสั่งซื้อได้อย่างแม่นยำ การทบทวนผลทุกเดือนหรือไตรมาสช่วยให้ทั้งการตั้งเป้าหมายและการดำเนินการในกระบวนการผลิตมีความสอดคล้องและสามารถปรับเปลี่ยนได้ทันทีเมื่อเกิดปัญหา

มีเป้าหมายที่ชัด

การตั้ง OKR ช่วยให้มีเป้าหมายที่ ชัดเจน และสามารถ วัดผลได้ เป้าหมายใน OKR มักจะมุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและท้าทาย ทำให้ทุกคนในองค์กรรู้ว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้นั้นสำคัญและควรทำให้สำเร็จ นอกจากนี้ยังสามารถ แบ่งเป้าหมายใหญ่ ออกเป็นผลลัพธ์ย่อย ๆ ที่สามารถติดตามและประเมินผลได้ง่าย

ความแตกต่างของ OKR และ KPI

หลายคนอาจคุ้นเคยกับ KPI ซึ่งเป็นเครื่องมือการวัดผลการทำงานที่ใช้กันมานาน แต่ OKR และ KPI มีความแตกต่างในหลาย ๆ ด้าน ดังนี้

• OKR คือเครื่องมือที่มุ่งเน้นการตั้งเป้าหมายที่ท้าทาย และมักจะไม่ได้เชื่อมโยงกับผลตอบแทนหรือการประเมินผลทางการเงินโดยตรง
• KPI มักจะเป็นเครื่องมือที่ใช้ประเมินผลสัมฤทธิ์ของการทำงาน ซึ่งจะส่งผลโดยตรงกับการจ่ายผลตอบแทน เช่น โบนัสหรือการขึ้นเงินเดือน

สรุป

OKR คือเครื่องมือที่สามารถช่วยให้องค์กรตั้งเป้าหมายและวัดผลสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบนี้ช่วยเพิ่มความโปร่งใสในการทำงาน ส่งเสริมการทำงานร่วมกัน และกระตุ้นให้พนักงานทำงานอย่างมุ่งมั่นเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ท้าทาย โดยที่เป้าหมายเหล่านั้นไม่ได้มุ่งเน้นแค่ผลสัมฤทธิ์ แต่ยังเน้นที่การพัฒนาและการเติบโตของบุคลากรในองค์กร

ไม่ว่าคุณจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่หรือเล็ก OKR คือตัวช่วยที่สามารถช่วยให้คุณขับเคลื่อนทีมและองค์กรไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อมีการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและท้าทาย พร้อมกับการติดตามผลที่รวดเร็วและสม่ำเสมอ OKR จึงถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จในระยะยาว