จากธุรกิจเดียวสู่บริษัทในเครือ: เมื่อการเติบโตสร้างความท้าทายครั้งใหม่
ลองจินตนาการถึงบริษัท A ที่เริ่มต้นจากธุรกิจเดียวและประสบความสำเร็จอย่างงดงาม จนสามารถขยายกิจการตั้งบริษัท B เพื่อดูแลการผลิต และบริษัท C เพื่อทำการตลาดและจัดจำหน่ายโดยเฉพาะ จากความสำเร็จกลายเป็นความท้าทาย เมื่อการทำธุรกรรมระหว่างกัน เช่น การขายวัตถุดิบจาก A ไป B หรือการโอนสินค้าสำเร็จรูปจาก B ไป C ยังคงอาศัย Spreadsheet และการสร้างเอกสารด้วยมือ สิ่งที่ตามมาคือความโกลาหล ข้อมูลการเงินและสต็อกที่ไม่ตรงกัน และการเสียเวลาไปกับการกระทบยอดบัญชีที่ไม่มีวันสิ้นสุด นี่คือจุดที่องค์กรตระหนักว่าวิธีการทำงานแบบเดิมๆ ไม่สามารถรองรับโครงสร้าง บริษัทในเครือ (Group of Companies) ที่ซับซ้อนได้อีกต่อไป
ภาพจำลอง: ก่อนและหลังการใช้ ERP จัดการธุรกรรมระหว่างบริษัท
การเปลี่ยนผ่านจากการทำงานแบบ Manual มาสู่ระบบอัตโนมัติด้วย ระบบ ERP ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงเครื่องมือ แต่คือการปฏิวัติกระบวนการทำงานทั้งหมด ผลลัพธ์คือการลดความผิดพลาด เพิ่มความเร็ว และสร้างข้อมูลที่น่าเชื่อถือแบบ Real-time สำหรับผู้บริหาร
ความท้าทาย (The Challenge) | กระบวนการเดิม (ก่อนใช้ ERP) | กระบวนการอัตโนมัติ (หลังใช้ ERP) |
---|---|---|
การออกบิลระหว่างบริษัท (Inter-company Billing) | บัญชีฝั่งขายและฝั่งซื้อต้องคีย์ข้อมูลซ้ำซ้อน เสี่ยงต่อการกำหนดราคาผิดพลาด และกระทบยอดบัญชีลูกหนี้-เจ้าหนี้ระหว่างกันตอนสิ้นเดือนด้วยมือ | เมื่อบริษัท A สร้าง Sales Order ขายให้บริษัท B ระบบจะสร้าง Purchase Order ฝั่ง B และลงบัญชีที่เกี่ยวข้องให้อัตโนมัติ ลดงานซ้ำซ้อนได้ 100% |
การมองเห็นสต็อกรวม (Inventory Visibility) | ฝ่ายขายของบริษัท C ไม่ทราบสต็อกจริงที่คลังของบริษัท B ทำให้เสียโอกาสในการขาย หรือรับปากลูกค้าแล้วไม่มีของส่ง | ทุกบริษัทในเครือมองเห็นสต็อกคงเหลือของกันและกันได้แบบ Real-time สามารถวางแผนการขายและโอนย้ายสินค้าระหว่างคลังได้อย่างแม่นยำ |
Transfer Pricing: ความเสี่ยงด้านภาษีที่ผู้บริหารมองข้ามไม่ได้
หนึ่งในความท้าทายที่สำคัญที่สุดของการ บริหารธุรกิจในเครือ คือเรื่อง Transfer Pricing หรือการกำหนดราคาสินค้าและบริการที่ซื้อขายกันระหว่างบริษัทที่มีความสัมพันธ์กัน กรมสรรพากรของไทยมีข้อกำหนดชัดเจนว่าราคาดังกล่าวต้องเป็นไปตามราคาตลาด (Arm's Length Principle) เสมือนเป็นการทำธุรกรรมกับบริษัทภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องกัน เพื่อป้องกันการถ่ายโอนกำไรไปยังบริษัทที่เสียภาษีน้อยกว่า การไม่มีหลักฐานการกำหนดราคาที่เหมาะสมอาจนำไปสู่การประเมินภาษีย้อนหลังและค่าปรับจำนวนมหาศาล
Pro Tip: กรมสรรพากรกำหนดให้บริษัทที่มีรายได้เกิน 200 ล้านบาทและมีความสัมพันธ์กัน ต้องจัดทำรายงานและเอกสารประกอบธุรกรรม Transfer Pricing (TP Documentation) การมีข้อมูลใน ระบบ ERP ที่ตรวจสอบได้คือหัวใจสำคัญของการปฏิบัติตามข้อกำหนด
ปัญหาสต็อกจม-สต็อกขาด: เมื่อคลังสินค้าของแต่ละบริษัทไม่ได้คุยกัน
เมื่อการจัดการ สต็อกระหว่างบริษัท ขาดศูนย์กลางข้อมูล (Centralized Inventory View) จะทำให้เกิดต้นทุนแฝงและปัญหาการดำเนินงานตามมามากมาย:
- ขาดข้อมูลสต็อกคงเหลือแบบ Real-time ของบริษัทอื่นในเครือ ทำให้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทันท่วงที
- กระบวนการโอนย้ายสินค้าระหว่างคลังล่าช้าและใช้เอกสารจำนวนมาก ทำให้เกิดคอขวดในการดำเนินงาน
- การคำนวณต้นทุนสินค้าที่โอนย้ายผิดพลาด กระทบโดยตรงต่องบกำไรขาดทุนของแต่ละบริษัท
- ไม่สามารถวางแผนการสั่งซื้อวัตถุดิบหรือสินค้าคงคลังได้อย่างแม่นยำ ส่งผลให้เกิดปัญหาสต็อกจม (Overstock) หรือสต็อกขาด (Stockout)
Workflow อัตโนมัติ: ระบบ ERP จัดการการซื้อขายและโอนสต็อกระหว่างบริษัทอย่างไร?
ระบบ ERP ที่ทันสมัยอย่าง Microsoft Dynamics 365 จะเปลี่ยนกระบวนการ Inter-Company ที่ซับซ้อนให้กลายเป็น Workflow อัตโนมัติที่ไร้รอยต่อ ช่วยลดงานซ้ำซ้อนและปิดช่องโหว่จากความผิดพลาดของมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์
ตัวอย่าง Workflow: การขายสินค้าจากบริษัท A ไปยังบริษัท B
- สร้างคำสั่งขาย (Sales Order): พนักงานขายที่บริษัท A สร้าง SO ในระบบ ERP ระบุลูกค้าเป็นบริษัท B
- ระบบสร้างคำสั่งซื้ออัตโนมัติ (Auto-PO Creation): ERP สร้างใบสั่งซื้อ (PO) ในฝั่งของบริษัท B โดยอัตโนมัติ อ้างอิงข้อมูลจาก SO ทั้งรายการสินค้า ราคา และจำนวน
- ตัดสต็อกและจัดส่ง: คลังสินค้าบริษัท A ตัดสต็อกและทำการจัดส่ง ระบบบันทึกสถานะสินค้าเป็น Goods in Transit
- รับสินค้าเข้าระบบ: คลังสินค้าบริษัท B สแกนรับสินค้าเข้าระบบ ERP อัปเดตสต็อกคงเหลือในคลังของตนเองทันที
- สร้างเอกสารบัญชีอัตโนมัติ: ระบบสร้างใบแจ้งหนี้ฝั่งขาย (A) และบันทึกเจ้าหนี้ฝั่งซื้อ (B) พร้อมลงบัญชี Inter-company ที่เกี่ยวข้องโดยอัตโนมัติ ทำให้การทำ Intercompany reconciliation เป็นเรื่องง่าย
ก้าวสู่การเป็น Data-Driven Group of Companies ด้วยรากฐานที่แข็งแกร่ง
การลงทุนในระบบ ERP ไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่คือการวางรากฐานข้อมูลที่แข็งแกร่งเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน การมี Single Source of Truth ทำให้ผู้บริหารสามารถ Consolidate งบการเงิน และวิเคราะห์ภาพรวมของทั้งกลุ่มบริษัทได้อย่างแม่นยำผ่าน BI Dashboard สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยให้การตัดสินใจทางกลยุทธ์เฉียบคมขึ้น แต่ยังสร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งสำหรับบริษัทที่กำลังเตรียมตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ (IPO) หรือต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
พร้อมวางรากฐานการเติบโตที่ยั่งยืนให้ธุรกิจในเครือของคุณแล้วหรือยัง?
การจัดการธุรกรรมระหว่างบริษัทไม่ใช่แค่เรื่องของบัญชี แต่เป็นหัวใจของการบริหารองค์กรให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ ทีมผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมให้คำปรึกษาเพื่อวิเคราะห์ความท้าทายเฉพาะของธุรกิจคุณ และวางแผนการใช้เทคโนโลยี ERP เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญฟรี